เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมจังหวัดฉะเชิงเทราถึงมีสองชื่อ แล้วเราควรจะเรียก เมืองแปดริ้วหรือ ฉะเชิงเทราดี
วันนี้ The city leaders ชวนมาเรียนรู้และเข้าใจความเป็นมาของชื่อจังหวัด ฉะเชิงเทรากัน
หลักฐานที่แน่ชัดของสองชื่อนี้ไม่ได้มีที่มาอย่างชัดเจน แต่เมื่อเรามอง ผ่านแว่นตาทางภาษาศาสตร์แล้วนั้น ความหมายจากภาษาเขมร ชื่อ “ฉะเชิงเทรา” ที่ใช้อย่างเป็นทางการในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพี้ยนมาจากคำเขมร “สตรึงเตรง” หรือ “ฉทรึงเทรา” ซึ่งแปลว่า “คลองลึก” ชื่อนี้สะท้อนถึงลักษณะภูมิประเทศของเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงและมีคลองธรรมชาติหลายสาย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ลึกและสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คน
.
ในส่วนชื่อ “แปดริ้ว” มีที่มาจากตำนานพื้นบ้านที่ทรงคุณค่าเรื่อง “นางสิบสอง” หรือ “พระรถเมรี” ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีพ่อค้าผู้หนึ่งมีลูกสาวสิบสองคน เมื่อฐานะยากจน จึงพานางทั้งสิบสองไปทิ้งในป่าใหญ่ นางสิบสองเดินทางไปจนมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ที่มีนิสัยโหดร้ายเมื่อยักษ์พบนางสิบสอง มันก็ฆ่านางทั้งหมด แล้วเฉือนเนื้อออกเป็น “แปดริ้ว” (แปดแผ่น) ก่อนนำไปรับประทาน เหตุการณ์นี้เป็นที่มาของชื่อ “แปดริ้ว” ที่คนในท้องถิ่นเรียกขานเมืองของตนมาจนถึงปัจจุบัน หรืออีกที่มาของเมืองแปดริ้วนั้น มาจากตำนานที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำบางปะกง แม้ปลาช่อนยังตัวใหญ่ ขนาดแล่เนื้อตากแห้งยังต้องแล่ถึง 8 ริ้ว ทั้งที่ปลาทั่วไปแล่ได้เพียง 4 ริ้ว
.
ชื่อ “ฉะเชิงเทรา” เริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว เมื่อยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด ในขณะที่ชื่อ “แปดริ้ว” ยังคงเป็นชื่อเรียกขานที่คนในท้องถิ่นใช้กันอย่างแพร่หลาย
.
ชื่อ “แปดริ้ว” ไม่เพียงแต่เป็นชื่อเรียกของเมือง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและหลากหลาย จากตำนานโบราณสู่การพัฒนาสมัยใหม่ เมืองแปดริ้วเป็นตัวอย่างที่ดีของการดำรงเอกลักษณ์ท้องถิ่นควบคู่กับการเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่
.
การเข้าใจที่มาของชื่อเมืองทำให้เราเห็นคุณค่าของการเรียนรู้จากอดีต เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน เมืองแปดริ้วจึงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ แต่เป็น “ห้องเรียนใหญ่” ที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันกับ The city leader ในเนื้อหา ฉะเชิงเทรา เมืองแห่งการเรียนรู้ กันต่อได้เลย