ต่อพงศ์ จันทร์พวง
ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองศรีสะเกษ
“เทศบาลเมืองศรีสะเกษมีพื้นที่อยู่ทั้งหมดราวๆ 36 ตารางกิโลเมตร จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พบว่ากว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นที่ของรัฐ ไม่ว่าจะอยู่ในการดูแลของทางเทศบาล ราชพัสดุ หรือการรถไฟ จากที่มีการประชุมหารือกับพี่น้องชาวชุมชนที่มีที่อยู่ในที่ดินของรัฐ ความต้องการก็จะมีอยู่ 2 แบบ คือ อยากรวมกันเช่าเป็นโฉนดชุมชน ไม่ก็ทำการเช่ารายแปลงด้วยตนเอง
ที่ผ่านมาเทศบาลตระหนักดีเรื่องการช่วยเหลือพี่น้องที่เข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ที่ดูแลโดยรัฐ หน้าที่ของเรา คือ การช่วยเหลือตามสมควรด้านสวัสดิการ สุขภาพเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ตรงนี้คืองานที่กองสวัสดิการสังคมสามารถเข้าไปช่วยดูแลได้ทันที ส่วนการทำสาธารณูปการน้ำประปาไฟฟ้า ส่วนนี้ตามอำนาจแล้ว คือ เราเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งใครไว้ เรายังช่วยดูแลเรื่องสวัสดิการ การส่งเสริมอาชีพ การศึกษา และในช่วงน้ำท่วมเราก็เข้าไปช่วยเต็มกำลัง
หากถามถึงภาพรวมความเป็นอยู่ของพี่น้องในพื้นที่ ก็ถือว่าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แน่นอนว่าไม่มีน้ำกับไฟฟ้าให้ได้ใช้แบบครบถ้วนเหมือนชุมชนอื่น ๆ พี่น้องส่วนใหญ่ทำงานรับจ้างรายวัน รับจ้างทั่วไป เป็นคนจากต่างอำเภอเป็นส่วนมาก และเข้ามาอยู่ในเมืองเพื่อหาโอกาสในการทำงาน บางครอบครัวอยู่มานานก็เริ่มมีลูก มีหลาน เราก็พยายามสนับสนุนให้น้อง ๆ ได้เรียนภาคบังคับให้จบเพื่อจะได้มีงาน และมีโอกาสมากขึ้น
ในส่วนของกลไกการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับพี่น้องที่มีรายได้น้อยและอยู่ในที่ดินของรัฐ ที่ศรีสะเกษ เราได้ร่วมกันตั้งคณะกรรมการเมืองในเรื่องนี้ โดยมีคณะกรรมการร่วมกัน จากตัวแทนเทศบาล อบจ พมจ. พอช ธนารักษ์ การรถไฟ และชุมชน ถือว่าเป็นทีมกลางที่มาช่วยกันหารือ และคิดหาแนวทางว่าจะช่วยกันพัฒนาและบริหารจัดการประเด็น Housing เมืองศรีสะเกษ ในรายชุมชนได้อย่างไร
อย่างตอนนี้ก็มีที่ชุมชนคุ้มหนองหมู ที่กำลังช่วยกันว่าจะทำอย่างไร แน่นอนว่ามีชาวบ้านที่อยู่อาศัยจริง ๆ เค้าก็เรียกร้องอยากจะเช่าที่ และก็มีที่ที่ถูกจับจองไว้อันนี้ก็ต้องมีการสอบสิทธิ์กัน เพราะมีบางบ้านผุพัง และไม่มีคนอยู่ บางที่ก็เป็นเพียงขอบเขตที่ดิน การทำโปรแกรมพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงต้องมีการหารือ และคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งต้องใช้เวลา การสื่อสาร และความเข้าใจรับฟังกัน และกันสูงมากๆ
ผมอยากเรียนว่า แต่ละสำนัก และกองงานของเทศบาลเราก็อยากเข้าไปช่วยพี่น้องเหมือนที่ท่านนายกฯ กล่าวไว้ สิ่งที่จะทำให้เกิดเรื่องการช่วยเหลือได้เต็มกำลังอยู่ที่การมาช่วยกันทั้งรัฐและชาวบ้าน ในการหาแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัย ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน แบบนี้ก็จะมีโอกาสในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวบ้านได้เต็มที่ครับ”
